“เงินสี่ด้าน” กับความเข้าใจผิดๆ
ใครที่เคยอ่านหนังสือซีรีย์พ่อรวยสอนลูก น่าจะรู้จักสัญลักษณ์ E-S-B-I หรือ "เงินสี่ด้าน" กันแทบทุกคน
เงินสี่ด้าน หมายถึง ช่องทาง หรือแหล่งที่มาของรายได้จาก 4 ช่องทาง อันได้แก่
- รายได้จากงานประจำ (E)
- รายได้จากกิจการส่วนตัว Freelance รับจ้าง ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ (S)
- รายได้จากธุรกิจส่วนตัว รวมถึงลิขสิทธิ์ต่าง ๆ (B)
- และรายได้จากการลงทุน (I)
นอกจากนี้รายได้ทั้ง 4 ช่องทาง ก็ยังแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ นั่นคือ รายได้จากการทำงาน หรือ Active Income (E และ S) และรายได้จากทรัพย์สิน หรือ Passive Income (B และ I)
และในหนังสือยังเสริมเพิ่มเติมให้ว่า หากต้องการมีอิสรภาพทางการเงิน เราต้องโฟกัสไปที่รายได้จากทรัพย์สิน พยายามสร้างรายได้จากทรัพย์สินให้มากกว่ารายจ่ายรวม
แต่ถึงวันนี้ดูเหมือนจะมีคนเข้าใจแนวคิดดังกล่าวผิดอยู่ไม่น้อย และเอา เงินสี่ด้าน ไปใช้ในการโจมตีงานประจำว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างโน้น และไม่สามารถพาชีวิตเราไปสู่อิสรภาพทางการเงินได้ จนพาลชวนกันลาออกมาทำธุรกิจบางกลุ่มบางประเภทโดยที่ไม่พร้อม ไม่ได้วางแผนการเงินของตัวเอง
โดยส่วนตัว เนื่องจากได้มีโอกาสพูดคุยกับโรเบิร์ตโดยตรงในฐานะผู้เรียบเรียงหนังสือซีรีย์นี้ พบว่าหลักใหญ่ใจความของเงินสี่ด้านก็คือ
การชี้ให้เห็นถึงแหล่งรายได้ที่แตกต่างกันในโลกการเงิน และปลูกฝังแนวคิดที่ว่า คนเราควรมีแหล่งรายได้มากกว่า 1 ช่องทาง หรือ Multi-Income Stream
เป็นพนักงานประจำ (E) ก็มีอิสรภาพทางการเงินได้ ถ้ารู้จักเก็บออม และนำเงินไปลงทุนในทรัพย์สินที่รู้จักและเข้าใจ (เพิ่มช่องทางรายได้จากการเป็น I)
หรือทำงานไปด้วย (E) แล้วก็สร้างธุรกิจส่วนตัวไปด้วย (S หรือ B) ค่อยๆทำ ค่อยๆ เรียนรู้ จนรายได้ทดแทนกันได้จึงค่อยพิจารณากันอีกที
ในหนังสือ "ความรู้ทางการเงิน : ความได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรม" หรือ The Unfair Advantage (ซึ่งผมเป็นผู้เรียบเรียง) โรเบิร์ตบอกว่า "แม้เงินจะมี 4 ด้าน แต่ก็ไม่ผิดอะไร หากคุณรักงานประจำของคุณ และอยากทำมันไปจนเกษียณ แต่อย่าลืมมีรายได้จากแหล่งอื่นควบคู่ไปด้วย เพื่อป้องกันความเสี่ยงของตัวเอง"
รวย หรือ จน ผมว่าเริ่มจากคิดได้เอง ออกแบบได้เองเลยครับ ว่าต้องการชีวิตแบบไหน และจะมีแหล่งรายได้มาจากทางใด
แค่เลือกว่าจะอยู่ด้านไหนของเงินสี่ด้านบ้าง ยังเลือกเองไม่ได้ แล้วแบบนี้ชีวิตจะมีอิสรภาพได้อย่างไร ... จริงมั้ยครับ
LIFE IS THE RESULT OF YOUR CHOICE.